ผามออีแดง ทะเลหมอกอีสาน

สายลมอ่อนๆ พัดผ่านผิวกาย ขณะที่สองเท้าของเราเดินฝ่าความมืดในช่วงย่ำรุ่ง ขึ้นสู่จุดชมวิว ผามออีแดง แสงดาวส่องประกายระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เป็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ

                ช่วงต้นหนาวแบบนี้ อยากชวนมาเที่ยวผามออีแดง ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นริมหน้าผาที่นี่สวยสุดอีกแห่งในภาคอีสาน เราจะได้สัมผัสไอเย็นจากผืนป่าเบื้องล่าง แล้วเดินชมโบราณสถานอายุนับพันปี ก่อนแวะไปเก็บภาพทุ่งดอกไม้หลากสีบนลานหิน ช่างเป็นความประทับใจที่ใครหลายคนอยากมาเห็นด้วยตัวเอง

ดูตะวันโผล่ริบขอบฟ้า ผามออีแดง

ใครมาเยือนผามออีแดงช่วงเช้าตรู่ในเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ จะสัมผัสอากาศเย็นๆ จนต้องกระชับเสื้อกันหนาวให้แนบตัวมากขึ้น หลายคนเลือกจับจองพื้นที่ เพื่อรอชมแสงแรกของวันกันอย่างใจจดใจจ่อ

ผามออีแดงมีลักษณะเป็นหน้าผาหินสีแดง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 556 เมตร และล้อมรอบด้วยผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ อากาศจึงเย็นสบาย ในพื้นที่อยู่ติดชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา มีโบราณสถานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรขอม และปราสาทเขาพระวิหาร ที่อยู่ไม่ไกล ความตั้งใจของเราวันนี้คือมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก ก่อนไปเดินชมโบราณสถาน

ไม่นานนักก็ถือช่วงเวลาไฮไลท์ เมื่อดวงตะวันกลมโตอวดโฉม ทอประกายแสงส้มเข้มรับอรุณ เป็นภาพที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลย ใครที่พกกล้องมาด้วยคงอดใจไม่ไหวจนต้องลั่นชัดเตอร์เก็บภาพรัวๆ

เรายืนมองผืนป่าสีเขียวอุดมสมบูรณ์เบื้องล่าง พร้อมกับรับละอองหมอกยามเช้าที่พัดปะทะใบหน้า ยิ่งทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น

แม้วันนี้เราไม่ได้เห็นทะเลหมอกอย่างที่หวัง แต่ก็ได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและแสงตะวัน เป็นความประทับใจที่ยากจะลืม คุ้มค่ากับการรอคอย

ลัดเลาะริมผา ชมภาพสลักนูนต่ำ

เมื่อตะวันลอยเด่นเต็มดวง เราเดินลัดเลาะขึ้นเนินเขา ไปชมภาพสลักนูนต่ำกันต่อ ใครที่กลัวความสูง คงจะรู้สึกใจหวิวหวิวเป็นแน่ เพราะทางเดินลงบันได เลียบหน้าผา ข้างหนึ่งติดหน้าผาหิน อีกข้างเป็นเหวลึก แม้จะมีที่กั้นกันตก แต่ก็ต้องเดินช้า ๆ อย่างระมัดระวัง

ที่นี่คุณจะได้เห็นภาพสลักนูนต่ำ โบราณบนหน้าผาหินทราย อายุกว่า 1,500 ปี เป็นภาพสลักรูปบุรุษ ขนาบข้างซ้ายขวาด้วยสตรี แกะสลักเรียงกัน 3 องค์ สันนิฐานว่า รูปบุรุษเป็นท้าวกุเวร หนึ่งในจตุมหาราช ประจำทิศเหนือ สังเกตจากโครงสร้างขององค์ เทพบุรุษจะเห็นว่า ภาพตรงส่วนหัว มีความเป็นเอกลักษณ์ ลักษณะเหมือนมีดอกไม้ทัดใบหู สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของดอกไม้จันทน์ ดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์ เพราะเมื่อมนุษย์ตายไปก็จะใช้ดอกไม้จันทน์ส่งดวงวิญญาณให้กับพระพายนำขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์นั่นเอง

นักวิชาการบางคนก็สันนิษฐานว่าเทพองค์นี้อาจเป็นตัวแทนของกษัตริย์ขอมในสมัยนั้น หรือเป็นตัวแทนของช่างใหญ่ มาทำพิธีบวรสรวงก่อนสร้างปราสาทพระวิหาร ข้อสังเกตอีกอย่างคือเทพองค์นี้มีปางใกล้เคียงกับรูปสลักในปราสาทเขาพระวิหาร คือปางพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระลักษมณ์พระรามมาปราบทศกัณฐ์ นับเป็นรูปสลักที่มีความสวยงามแต่น่าเสียดายที่รูปสตรีทั้งสองข้างนั้นมีใบหน้าที่ชำรุด

ถัดจากภาพแกะสลักนูนต่ำไปไม่ไกล มีอีก 2 ภาพที่ยังแกะไม่เสร็จ สันนิษฐานว่าเป็นรูปพระนารายณ์ประทับเหนือพระยาอนันตนาคราช และข้างๆ กันเป็นภาพหมู คือภาพอวตารภาคหนึ่งของพระนารายณ์ เชื่อว่าภาพบริเวณริมหน้าผาหินแห่งนี้ เกิดก่อนภาพแกะสลักในปราสาทพระวิหารอีกด้วย

ใครที่จะเข้ามาชมภาพแกะสลัก ต้องมองผ่านช่องรั้วลวด ที่กั้นไว้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ให้เดินเข้าไปชมใกล้ ๆ ด้วยคนไทยเรานั้น มีความเชื่อเรื่องดวงเรื่องหวย อาจนำแป้งมาโรย ถู ขอเลขจนทำให้ภาพแกะสลัก บริเวณนี้เกิดความชำรุดเสียหายได้

แม้จะได้ชมภาพสลัก ผ่านรั้วที่กั้นไว้ แต่ก็ยังเห็นถึงความวิจิตร งดงาม ของภาพที่ช่างแกะสลักสมัยโบราณตั้งใจทำขึ้น

เดินไปไม่ไกล ก็จะเจอจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง ของผามออีแดง เป็นจุดที่สามารถมองเห็น ปราสาทเขาพระวิหาร ได้ด้วยตาเปล่า แม้จะเสียดาย ที่ไม่สามารถไปถึงตัวปราสาทได้ แต่เพียงเท่านี้ก็สวยงาม คุ้มค่าที่ได้ชม

สถูปคู่ เลือกคู่ครอง

นอกจากมีวิว ที่สวยแล้ว ผามออีแดงยังมีโบราณสถานศักดิ์สิทธ์ อีกแห่งหนึ่ง คือ สถูปคู่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระธาตุ” สร้างจากหินทราย ตัดเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ลูกบาศก์ ด้านบนกลมมน ตั้งอยู่คู่กัน เป็นศิลปะแบบบาปวน

นักวิชาการสันนิษฐานว่า สถูปคู่นี้ น่าจะใช้เป็นสัญญาลักษณ์ ของความอุดมสมบูรณ์ และอาจมีความสัมพันธ์กับ ภาพสลักนูนต่ำริมหน้าผา สระตราว และ ปราสาทเขาพระวิหารอีกด้วย

ชาวบ้านที่นี่มีความเชื่อว่า หากใครมาขอพร ให้แฟนรักแฟนหลง ก็จะได้สมความปรารถนา หรือใครยังไม่มีแฟน ก็สามารถมาขอเนื้อคู่ ได้จากสถูปคู่นี้ เป็นไฮไลท์ที่คู่รัก ไม่ควรพลาด

ระหว่างทางเดิน หลายคนอาจสงสัย ว่าทำไมบนพื้นหิน ถึงมีร่องรอยเหมือนการลากสิ่งของหนัก ๆ เป็นทางยาวนั้น สันนิษฐานว่า คือรอยของการลาก หรือขนย้ายหิน บางจุดอาจพบเป็นร่องรอย ของการตัดหิน เพื่อนำไปสร้าง ปราสาทเขาพระวิหาร จะพบเห็นได้โดยทั่วไป ในบริเวณผามออีแดง

ชมดอกไม้บานบนลานหิน

ในช่วงปลายฝน จนถึงต้นฤดูหนาวแบบนี้ คุณจะได้เห็นอีกหนึ่ง ความพิเศษของที่นี่ คือ ดอกไม้บานบนลานหิน ซึ่งมีเฉพาะช่วงเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายนเท่านั้น

เดินลัดเลาะออกมาจากทางขึ้น ปราสาทพระวิหารประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะเริ่มเห็นดอกไม้หลากสีสัน ทั้งเหลืองศรีสะเกษ ดอกสีเหลือง ดุสิตา ดอกสีม่วง และ มณีเทวา ดอกสีขาว ขึ้นสลับออกดอกแซมกัน ไปตามลานหินอย่างสวยงาม เป็นอีกจุดต้องห้ามพลาด แวะชมความสวยงาม ของดอกไม้ป่ากัน

หากใครที่ต้องการ เข้ามาชมดอกไม้บาน บนลานหิน สามารถติดต่อ ขอเข้าชมได้จากเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น

ผามออีแดงจึงเป็นจุดท่องเที่ยว ของถิ่นลำดวนบาน หรือจังหวัดศรีสะเกษ ที่ไม่ควรพลาด เรียกได้ว่า มาที่เดียวเหมือนได้เที่ยว ถึง 4 ที่ 4 บรรยากาศ กันเลยละ

การเดินทางไปยังจุดชมวิว ผามออีแดง

   สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางมายัง จุดชมวิวผามออีแดง เดินทางมาได้สะดวก ทั้งด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยซื้อบัตรจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ หลังจากนั้น ก็ขับรถไปยังลานจอดรถ ได้อย่างสะดวกสบาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โทรศัพท์ 045 818 021

           หน้าฝนนี้ ถ้าใครที่ยังคิดไม่ออก ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ลองแวะมาชื่นชมความสวยงาม ของทะเลหมอกที่นี่กัน แล้วคุณจะรู้ว่า ความอันซีนช่วงฤดูฝน ช่างสวย และ น่าค้นหาอย่างน่าอัศจรรย์ ^ ^

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

เที่ยวไทย.net