ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และจุดชมวิวมุมสูงสวยแห่งพระนคร ถ้าถามถึง สถานที่ท่องเที่ยว ย่านพระนคร เราจะไม่พูดถึง ภูเขาทองไม่ได้ ด้วยเป็นพุทธสถาน ที่โดดเด่น ตั้งอยู่สูงสง่า ใจกลางเมืองใหญ่ มีเจดีย์สีทองอร่าม ส่องประกายสะท้อนแสงวิบวับ ทั้งยามกลางวัน และ กลางคืน อยู่ด้านบนสุด

กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างอยากมาเช็กอิน และสำหรับใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวชมเลยสักครั้ง หรืออาจจะไปเที่ยวมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของภูเขาทอง วันนี้เรามาทำความรู้จักกับที่นี่ให้มากขึ้นไปด้วยกัน
ที่ตั้งของ ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ภูเขาทอง ตั้งอยู่ภายในเขตของวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ติดกับคลองมหานาค ในพื้นที่แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ อยู่ห่างจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ 300 เมตร โลหะปราสาท ประมาณ 500 เมตร อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ราว ๆ 700 เมตร และอยู่ห่างจากบริเวณท้องสนามหลวง เพียงแค่ราว ๆ 1.5 กิโลเมตร
ความเป็นมาของภูเขาทอง หรือพระบรมบรรพต
ภูเขาทอง เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์มีพระราชดำริให้สร้างพระปรางค์ย่อมุมไม้สิบสองขนาดใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออกของพระนคร แต่ด้วยพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นดินเลนโคลนทำให้รองรับน้ำหนักของโครงสร้างไม่ไหว องค์พระปรางค์จึงพังลงมา แต่ยังไม่ทันสร้างแล้วเสร็จก็สิ้นรัชกาลที่ 3 เสียก่อน
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างใหม่โดยเปลี่ยนรูปแบบให้กลายเป็นภูเขาจำลองสูง แล้วมีเจดีย์อยู่ด้านบนแทน มีบันไดเวียนขึ้น-ลง 2 ทาง พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปวางศิลาฤกษ์ด้วยพระองค์เอง และเปลี่ยนชื่อจากภูเขาทองเป็นพระบรมบรรพต แต่การก่อสร้างก็ยังไม่เสร็จสิ้นเมื่อรัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์ รวมความสูงจากฐานจนถึงยอดพระเจดีย์ได้ 77 เมตร และมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศอินเดียมาไว้ในองค์พระเจดีย์เมื่อ พ.ศ. 2422 และได้เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ในช่วงเทศกาลลอยกระทง มีการปฏิบัติสืบกันมาจนกลายเป็นประเพณีนมัสการพระบรมสารีริกธาตุภูเขาทอง หรืองานวัดภูเขาทองนั่นเอง
พระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระเจดีย์ บรรจุไว้ในผอบที่มีอักษรพราหมี หรือเมารยะ จารึกไว้ว่า พระบรมสารีริกธาตุนี้เป็นของพระพุทธเจ้า (สมณโคดม) ตระกูลศากยราช ได้รับแบ่งปันในเวลาถวายพระเพลิงพุทธสรีระ มีการขุดพบเมื่อ พ.ศ. 2441 ณ เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย และทางรัฐบาลอินเดียก็ได้น้อมเกล้าฯ น้อมถวายแด่รัชกาลที่ 5 และพระองค์ก็โปรดให้บรรจุไว้ที่พระบรมบรรพต เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2442
การเที่ยวชม ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

– การจะขึ้นไปนมัสการองค์เจดีย์บนยอดภูเขาทอง จะต้องเดินขึ้นบันไดขั้นเล็ก ๆ ทั้งหมด 344 ขั้น
– ทางขึ้นหลักจะอยู่ติดกับส่วนของวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร แต่จะมีประตูทางเข้าทั้งจากฝั่งถนนจักรพรรดิพงษ์และถนนบริพัตร สามารถเดินวนมายังทางขึ้นหลักได้
– บริเวณทางขึ้นจะมีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่าย สามารถซื้อขึ้นไปไหว้พระได้
– ขาขึ้น ทางเดินช่วงแรกจะมีต้นไม้ให้ร่มเงาบ้าง แต่พอเลยบันไดราว ๆ 130 ขั้นขึ้นไป จะเป็นทางเปิดโล่ง ถ้าไปช่วงกลางวัน ควรใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวก หรือกางร่ม เพราะแดดร้อนมาก
– พอขึ้นไปถึงด้านบนจะเป็นส่วนของภายในพระบรมบรรพต มีพระประธาน คือ พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ พระพุทธรูปปางทรงเครื่องจักพรรดิสีทองสว่างประดิษฐานอย่างสง่างามอยู่ด้านหน้า พร้อมด้วยพระพุทธรูปที่สำคัญอีกหลายองค์ ในจุดนี้เป็นบริเวณในอาคาร อากาศจะเย็นสบาย สามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบเช่นกัน
– สำหรับพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้ประดิษฐานอยู่บนยอดพระเจดีย์สีทองใหญ่ด้านบนสุด จากบริเวณโถงใต้ฐานพระเจดีย์จะมีบันไดเล็ก ๆ ให้เดินขึ้น-ลงคนละฝั่ง
– ด้านบนสุดบริเวณฐานพระเจดีย์สีเหลืองทอง มีจุดให้นั่งไหว้พระขอพร เป็นพื้นที่เปิดโล่งกว้างเช่นกัน ถ้าไปช่วงกลางวันก็ต้องเตรียมเสื้อแขนยาว หมวก ร่ม ให้พร้อม
– โดยรอบของพระฐานเจดีย์จะสามารถชมวิวกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา มองเห็นเมืองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา วิวสวยตลอดทั้งวัน ยิ่งถ้ามาช่วงแดดร่มลมตกลมก็จะพัดเย็นสบาย ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วย
– ทางลงของภูเขาทองจะอยู่คนละฝั่งกับทางที่ขึ้นมา มองป้ายให้ชัดเจนก่อนที่จะเดินลง เพื่อที่จะไม่ไปสวนทางกับผู้ที่เดินขึ้น อาจจะเป็นอันตรายได้ในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
– ห้องน้ำของภูเขาทองจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางขึ้น แต่เมื่อเดินลงก็จะเจอกับบริเวณห้องน้ำพอดี
งานวัดภูเขาทอง

ได้ชื่อว่าเป็นงานวัดที่เก่าแก่มากที่สุดของกรุงเทพฯ เริ่มจัดครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ตรงกับช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยจะเป็นงานรื่นเริง มีมหรสพ ดนตรี ร้านค้า ร้านอาหาร มาออกร้านกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศสนุกสนาน ไฮไลต์ของงานจะอยู่ที่การห่มผ้าแดงให้กับองค์พระเจดีย์และการเปิดให้นมัสการพระบรมสารีริกธาตุจนถึงช่วงกลางดึก สามารถติดตามการจัดงานวัดภูเขาทองในแต่ละปีได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
การแต่งกายไปเที่ยวชม ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ด้วยเป็นพุทธสถาน จึงต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย โดยควรสวมกระโปรงหรือกางเกงที่ยาวเลยเข่าลงไป เสื้อมีแขน ไม่รัดรูปจนเกินไปนัก
เวลาเปิด-ปิด
ภูเขาทอง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. แต่ช่วงเทศกาลสำคัญ ก็อาจจะขยายเวลาเปิดจนถึงกลางดึก
ค่าเข้าชม
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่มีค่าเข้าชม สามารถเข้าเที่ยวชมได้เลยฟรี ! แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ จะมีค่าเข้าชมท่านละ 50 บาท
การเดินทาง
หน้าวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ด้านถนนจักพรรดิ ที่ป้ายรถเมล์ ภูเขาทอง 1 มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน ได้แก่ สาย 8, ปอ.8, 15, 47 และ 49 อีกฝั่งถนนที่ป้ายรถเมล์ ภูเขาทอง 2 มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน ได้แก่ สาย 8, ปอ.8, 15, 37, 47 และ 49
หรืออีกหนึ่งวิธี ก็คือ การนั่งเรือมาตามคลองมหานาค จะไปขึ้นที่ท่าเรือคลองแสนแสบที่ประตูน้ำก็ได้ หรือจะมาขึ้นที่ท่าเรือโบ๊เบ๊ก็ได้เช่นกัน โดยจะมาลงที่ป้ายสุดท้าย คือ ป้านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แล้วเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร ส่วนถ้าใครขับรถยนต์ส่วนตัวมาก็สามารถจอดได้บริเวณลานวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
วันหยุดใครอยากหาที่เที่ยวไหว้พระทำบุญ เสริมดวง เสริมบารมี พร้อมกับชมวิวกรุงเทพฯ มุมสูงสวย ๆ ก็ขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ พอไหว้พระเสร็จแล้วก็ยังสามารถไปเดินเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ บริเวณโดยรอบได้ด้วย 🙂
